ผลการเรียนรู้ครั้งที่ 6
บทที่ 4
การสร้างแบบจำลองความสัมพันธ์ข้อมูล
Diagram (Entity Relationship Diagram) ขึ้นมาเพื่อใช้สําหรับออกแบบฐานข้อมูลนับจากนั้นเป็นต้นมา แผนภาพ E-R ก็ถูกนําออกไปใช้งานอย่างกว้างขวางโดยมีการพัฒนารูปแบบที่หลากหลาย
เอนทิตี คือวัตถุหรือส่วนประกอบของข้อมูลเอนทีตีถูกแสดงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในแผนภาพ E-R
Entity จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ
- Strong Entity หรืออาจเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า Regular Entity เป็น Entity ที่มีคีย์หลักเป็นของตัวเอง
- Weak Entity คือ entity แบบอ่อนไม่มีคีย์เป็นของตัวเองและไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามลําพัง
อธิบายคุณสมบัติของ entity
1. Key attribute: attribute หลักสามารถระบุentity โดยไม่ซ้ํากันจากชุดentity ตัวอย่างเช่นหมายเลขม้วนนักเรียนสามารถระบุนักเรียนจากกลุ่มนักเรียนได้โดยไม่ซ้ํากัน
2.ttribute ที่เปฌนการรวมกันของ attribute อื่นๆเรียกว่า Composite attribute ตัวอย่างเช่น ใน entity นักเรียนที่อยู่ของนักเรียน
3. Multivalued attribute: attribute ที่สามารถเก็บค่าได้หลายค่าเรียกว่า attribute หลายค่า แสดงด้วยวงรีคูใน E-R Diagram ตัวอย่างเช่น - บุคคลสามารถมีหมายเลขโทรศัพท์ได้มากกว่าหนึ่ง หมายเลข
4. Derived attribute: attribute ที่ได้รับคือค่าหนึ่งที่มีค่าเป็นแบบไดนามิก และได้มาจาก attribute อื่นมันแสดงด้วยวงรีเส้นประใน E-R Diagram ตัวอย่างเช่น - อายุของบุคคลเป็น attribute ที่ได้รับเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและสามารถหามาจาก attribute อื่น(วัน เดือน ปีเกิด)
โครงสร้างข้อบังคับ
ข้อบังคับในข้อมูลจะสะท้อนถึงข้อจํากัดต่าง ๆ บนความสัมพันธ์ และใช้เป็นเกณฑ์พื่อมิให้เกิดความพยายามฝ่าฝืน
ตัวอย่างเช่น
• มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีกฎข้อบังคับไว้ว่า อาจารย์ผู้สอนจะต้องสอนหนังสืออย่างน้อย 1 วิชาและสอนได้ไม่เกิน 3 วิชา
Cardinality คือการกําหนดขอบเขตหรือจํานวนสมาชิกที่เป็นไปได้ในเอ็นทิตี้หนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับ สมาชิกของอีกเอ็นทิตี้หนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น